ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1360812596&grpid=03&catid=03
http://hilight.kapook.com/view/82084
รายงานระบุว่า การเจรจาเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2555 ที่ผ่านมา หลังบรรดาเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของอเมริกัน แอร์ไลน์ส แนะนำให้ผู้บริหารสายการบินหาทางควบรวมธุรกิจกับสายการบินอื่น เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายใน ภายใต้ข้อตกลงการฟื้นฟูกิจการให้อยู่รอด ที่มีการลงนามในเดือนพฤศจิกายน 2554
การควบรวมกิจการครั้งนี้ จะทำให้อเมริกัน แอร์ไลน์ส มีมูลค่าบริษัทรวม 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงกับของคู่แข่งอย่างเดลต้า แอร์ไลน์ส โดยส่วนแบ่งหุ้นที่มากที่สุดของบริษัทใหม่ จะถือครองโดยเจ้าหนี้ล้มละลายของอเมริกัน แอร์ไลน์ส ซึ่งคิดเป็น 72% ของบริษัท ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทแม่ของอเมริกัน แอร์ไลน์ส เมื่อปลายปี 2011
โดยบริษัทใหม่จะยังคงใช้ชื่อ อเมริกัน แอร์ไลน์ส โดยประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คือ นายดั๊ก ปาร์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารยูเอส แอร์เวย์สคนปัจจุบัน และนายทอม ฮอร์ตัน ซีอีโอของอเมริกัน แอร์ไลน์ส นั่งแท่นผู้บริหารร่วมกันถึงช่วงกลางปี 2557 ขณะที่ในส่วนของอัตราการถือหุ้นนั้น อเมริกัน แอร์ไลน์สจะถือหุ้น 72% ส่วนที่เหลือจะเป็นของยูเอส แอร์เวย์ส
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับการแข่งขันด้านการบิน และศาลล้มละลายกลางของสหรัฐฯก่อน หลังจากนั้น อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่ผู้โดยสารจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีขึ้นในช่วงการประกาศการรวมตัวของภาคการบินของสหรัฐฯ โดยเดลต้า แอร์ไลน์ ประกาศควบรวมกับนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์ส และสายการบินคอนติเนนตัล ประกาศควบรวมกับยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส
การรวมกิจการครั้งใหญ่นี้ จะทำให้ อเมริกัน แอร์ไลน์ส มีเครื่องบินกว่า 1,530 ลำ ให้บริการเที่ยวบินได้วันละกว่า 6,428 เที่ยว และมีพนักงานกว่า 95,000 คนทั่วโลก นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลให้สายการบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เหลือเพียง 4 แห่ง คือ อเมริกัน แอร์ไลน์ส, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส, เดลต้า แอร์ไลน์ส และ เซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ที่มีปริมาณเที่ยวบินรวมกันแล้วคิดเป็น 3 ใน 4 ของปริมาณการจราจรทางอากาศในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ กระบวนการควบรวมกิจการจะสามารถดำเนินต่อได้อย่างเป็นทางการ ต้องรอการผ่านความเห็นชอบจากคณะผู้ตรวจสอบด้านกฎหมายป้องกันการผูกขาดและศาลล้มละลายเสียก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น