ที่มาhttp://business.yutcareyou.com/index.php?option
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พร้อมสานงานต่อนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของบางจากฯ ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท บางจากฯ เมื่อปี 2528 เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและคุณค่าต่อสังคม โดยสร้างความสมดุลระหว่างมูลค่าและคุณค่า ต้องการให้เป็นบริษัทชั้นนำของคนไทย ขยายการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
นายวิเชียร กล่าวว่า มีความมุ่งมั่นให้บริษัท บางจากฯ ก้าวสู่องค์กร 100 ปี ด้วยการสร้างความมั่นคงพัฒนาธุรกิจหลักในปัจจุบันให้มีศักยภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมขยายธุรกิจใหม่เพื่อสร้างโอกาสเสริมรายได้ให้กับบริษัทและมีส่วนช่วยพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมไทย การสร้างสังคมสีเขียวตามปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบางจากฯ และสนองตอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและของโลกในปัจจุบัน ที่มุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า การที่จะให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จะต้องมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ และมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน บริษัท บางจากฯ ยังคงดำเนินธุรกิจหลักด้านพลังงาน มีโรงกลั่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อและธุรกิจเสริมในสถานีบริการน้ำมัน นอกจากนี้ ยังศึกษาถึงความเป็นไปได้ของพลังงานอื่นๆ นอกเหนือจาก การผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ส่วนการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ขณะนี้เริ่มรุกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันบางจากในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้เปิดแห่งแรกที่ประเทศพม่า นอกเหนือจากที่ส่งน้ำมันหล่อลื่นไปขายยังประเทศอินโดจีน ลาว พม่า เวียดนาม จีน กัมพูชา ฟิจิ เคนย่า ฯลฯ และพร้อมที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต เพื่อเสริมรายได้และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกิจในปัจจุบัน
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2556 คาดว่าจะมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยจะเพิ่มปริมาณการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับ 1.1 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งในปีนี้ไม่ต้องหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ทำให้สามารถกลั่นน้ำมันจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น โดยมีค่าการกลั่นเฉลี่ย 7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับปรุงพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของโรงกลั่นให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต (3E: Environment/ Efficiency/ Energy) ใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาทด้านธุรกิจการตลาด ยังคงยึดนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง และจะไม่กลับไปจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 อย่างแน่นอนเพราะไม่ต้องการนำเข้าสาร MTBE (สารเพิ่มออกเทนที่ผสมในน้ำมันเบนซิน 95) เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ จะขยายสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ทั่วประเทศ และ E85 เพิ่มเป็น 100 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับปริมาณรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น
“เราจะพัฒนารูปแบบของปั๊มบางจากและสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าสูงสุด เพื่อรักษาความเป็น Top 2 Brand of Choice และจะเปิดสถานีบริการน้ำมันในรูปแบบ Green Station เพิ่มอีก 2 แห่ง ขยายร้านสะดวกซื้อมินิบิ๊กซี เพิ่มเป็น 100 แห่ง และเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจเสริม เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายของวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น” นายวิเชียร กล่าว
อนึ่ง โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ หรือ Sunny Bangchak เฟส 2 ที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ และอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตจำหน่ายรวม 32 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และเมื่อรวมกับเฟส 1 โครงการ Sunny Bangchak มีกำลังการผลิตจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 70 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ให้กับบริษัทบางจากฯ เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น