วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

ศรีไทยฯสบช่องบาทแข็งเร่งขยายการลงทุนตปท.

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 10 กุมภาพันธ์ 2556 21:01 น.
ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000017261
       ASTVผู้จัดการรายวัน - ศรีไทยฯจ่อตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกอาหารและเครื่องดื่มในอินโดฯ คาดสรุปแนวทางลงทุนซื้อกิจการหรือตั้งโรงงานใหม่ในปีนี้ เผยปีนี้ตั้งงบลงทุน 1.6 พันล้านบาทซื้อเครื่องจักร แม่พิมพ์และตั้งโรงงานเมลามีนในอินเดียและเวียดนาม ตั้งเป้ายอดขายปีนี้9.5-9.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 8.5 พันล้านบาท
     
       นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)(SITHAI) เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุนตั้งโรงงานผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์พลาสติกอาหารและเครื่องดื่มที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากมีนักลงทุนท้องถิ่นเสนอให้ศรีไทยฯเข้าซื้อกิจการโดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หรืออาจตัดสินใจสร้างโรงงานใหม่ ใช้เงินลงทุนหลายร้อยล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และเข้าไปลงทุนในปี 2557
     
       การตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในอินโดนีเซีย เนื่องจากเห็นว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพและมีตลาดภายในประเทศที่ขยายตัวดีกว่าไทย ที่ผ่านมา ศรีไทยฯตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีนในอยู่แล้วในอินโดนีเซีย และไม่มีแผนจะขยายกำลังการผลิตในช่วงนี้
     
       ในปีนี้ตั้งงบงทุนไว้ที่ 1,600 ล้านบาท โดยโยกเงินลงทุนที่ยังไม่ได้มีการชำระจากปีก่อน 400 ล้านบาทมารวมในงบลงทุนปีนี้ด้วย ซึ่งงบลงทุนปีนี้ใช้เพื่อซื้อเครื่องจักร แม่พิมพ์ และตั้งโรงงานผลิตเมลามีนในเวียดนามและอินเดีย คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2556
     
       ส่วนการลงทุนในเมียนมาร์นั้น คงต้องรอให้เกิดการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)ก่อน ซึ่งบริษัทฯสนใจเข้าไปตั้งโรงงานผลิตเมลามีน และภาชนะบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ที่ผ่านมาบริษัทฯมีการส่งออกผลิตภัณฑ์เมลามีนไปเมียนมาร์อยู่แล้ว
     
       การตัดสินใจขยายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อฉกฉวยจังหวะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ใช้เม็ดเงินลงทุนไม่สูงมากนัก ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับแผนการลงทุนในการขยายงานของบริษัทฯ เพื่อเจาะตลาดเออีซี แต่ไม่มีนโยบายที่จะขยายการลงทุนในจีนเพิ่มเติมในช่วงนี้ เนื่องจากต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานทำให้บริษัทฯมองเห็นศักยภาพการลงทุนในอาเซียนมากกว่าจีน
     
       นายสนั่น กล่าวว่า จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (ฟอร์เวิร์ด)เพื่อส่งออก รวมทั้งให้ลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านชำระสินค้าเป็นเงินบาทได้ นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และมีการชำระเงินค่าหุ้นในการลงทุนที่เวียดนาม ช่วยลดผลกระทบจากค่าเงินที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละปีบริษัทฯส่งออกคิดเป็น 20%ของรายได้ หรือประมาณ 2 พันล้านบาท
     
       ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 9,500-9,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มียอดขายรวม 8,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่เวียดนาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น