ที่มา http://www.thanonline.com/index
ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เมื่อเปรียบเทียบจำนวนยอดจองโดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่มีจำนวนสูงมาก และปัจจุบันนี้ บริษัทยังคงส่งมอบรถยนต์สวิฟท์เกียร์อัตโนมัติ CVT สำหรับลูกค้าที่จองรถในเดือนเมษายน 2555
ดังนั้นเพื่อให้การส่งมอบสวิฟท์ เกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กับลูกค้าเป็นไปตามลำดับคิวและกำหนดที่รวดเร็วยิ่งขึ้น บริษัทมีนโยบายเร่งรัดการผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์สวิฟท์ เกียร์อัตโนมัติ CVT ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2556 จึงมีผลทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องชะลอการส่งมอบรถยนต์สวิฟท์ เกียร์ธรรมดา MT ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยเช่นกัน บริษัทได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่ง และไม่ยินดีที่จะให้ลูกค้าที่จองรถยนต์สวิฟท์เกียร์ธรรมดา MT ต้องรอการส่งมอบถึงช่วงเดือน มิถุนายน 2556
จากกรณีดังกล่าว นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สาเหตุที่ต้องมีการส่งหนังสือเวียนไปยังตัวแทนจำหน่าย เนื่องจากปัจจุบันยอดจองของสวิฟท์ เกียร์อัตโนมัติ CVT มีจำนวนสูงมาก ขณะที่สวิฟท์ เกียร์ธรรมดา MT นั้นเพิ่งทำการเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน 2555 ดังนั้นเมื่อดูตามลำดับคิวของการผลิตแล้วก็ต้องทำการป้อนให้กับรุ่นเกียร์อัตโนมัติก่อน
สำหรับยอดจองคงค้างหรือแบ็กออร์เดอร์ของสวิฟท์สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีจำนวนทั้งสิ้น 3 หมื่นคัน โดยบริษัทคาดว่าจะทำการผลิตและทำการส่งมอบยอดคงค้างดังกล่าวในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2556 อย่างไรก็ตามในการส่งมอบรถจะต้องทำการกระจายให้กับตัวแทนจำหน่ายแต่ละแห่งซึ่งบางแห่งอาจจะมียอดคงค้างมากน้อยแตกต่างกัน ทำให้กำหนดการรับรถก็อาจจะมีคลาดเคลื่อนบ้าง
"จริงๆตอนนี้ก็ต้องบอกว่าเราเร่งผลิตรถเกียร์อัตโนมัติก่อน ก็คือทำตามลำดับคิว ส่วนตัวเกียร์ธรรมดาเองเพิ่งทำการเปิดตัวไป ซึ่งลูกค้าก็ให้การตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน โดยสัดส่วนยอดจองก็มีอยู่ประมาณ 15 – 20% ของสวิฟท์ทั้งหมด อย่างไรก็ตามในตอนนี้เราก็ไม่ได้แจ้งตัวแทนจำหน่ายว่าห้ามจองแต่อย่างใด โดยเราจะเริ่มทยอยส่งมอบรถเกียร์ธรรมดานี้ในเดือนมิถุนายน"
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้บริษัทได้มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตของสวิฟท์เป็น 5.5 หมื่นคัน/ปี หรือผลิตต่อเดือนประมาณ 3 – 4 พันคัน โดยยังคงเน้นผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ ขณะที่สัดส่วนของการผลิตนั้น จะแบ่งเป็นรถเกียร์อัตโนมัติมากกว่า 80% และเกียร์ธรรมดามีกำลังการผลิตไม่เกิน 20%
"ปีที่แล้วถือเป็นปีเริ่มต้นการผลิตจริง เป็นปีแรกของอีโคคาร์ของเรา ซึ่งเราเน้นคุณภาพในการผลิตมากกว่าปริมาณ แต่ในปีนี้เราได้เพิ่มการผลิต แต่ไม่ได้ละเลยคุณภาพ เพราะเราได้ทีมงานจากญี่ปุ่นเข้ามาช่วย และเราก็มีความเชี่ยวชาญในการผลิตมากขึ้น ประกอบกับบริษัทแม่ก็ให้ความสำคัญกับประเทศไทยดังจะเห็นจากการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศก่อน"
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า สัดส่วนการถอนจองของลูกค้าสวิฟท์นั้น มีน้อยมาก ซึ่งเหตุผลที่ถอนจองนั้น ส่วนใหญ่ก็เนื่องมาจากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจริงๆ และอาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย-ไม่จำเป็นต้องใช้รถ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ตนเองมองว่า ลูกค้าที่เข้ามาจองสวิฟท์นั้นรับทราบว่าจะต้องรอรถนาน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยินยอมที่จะรอ และต้องรีบจองภายในสิ้นปีที่แล้วเพื่อจะขอรับสิทธิ์รถคันแรก
ด้านยอดขายในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีจำนวน 2,011 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขายประมาณ 3 พันคันต่อเดือน อย่างไรก็ตามคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะทำยอดขายได้ 6 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำยอดขายได้ 24,680 คัน โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายในปีนี้ออกเป็น ซูซูกิ สวิฟท์ 4.3 หมื่นคัน ,ซูซูกิ แครี่ 1.2 หมื่นคัน และรุ่นอื่นๆ 5 พันคัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,818 วันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น