updated: 28 มี.ค. 2556 เวลา 09:37:01 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
link http://www.prachachat.net/news_detail
พี่มาก...พระโขนง และคู่กรรม หนังไทย ฟอร์มยักษ์จากสองผู้ผลิตไฟแรง ที่กำลังโหมสร้างกระแสผ่านโซเชียลมีเดีย ดึงความสนใจจากผู้ชม
ทำ ให้อุตสาหกรรมหนังไทยส่อแววคึกคักตั้งแต่ต้นปี ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่าน ส่วนแบ่งตลาดหนังไทยไม่เคยวิ่งข้ามเส้นกินส่วนแบ่งตลาดเกิน 35% แต่กลับมีการเติบโต 30-35% จากมูลค่ารวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ (หนังไทย-ต่างประเทศ) ปีที่แล้ว 4,100 ล้านบาทโดยหลาย ๆ ผู้ผลิตหนังไทยในปีนี้พากันปรับตัวหวังกระตุ้นตลาด สร้างสีสันให้อุตฯหนังไทยกลับมาครื้นเครง
ปีทองอุตฯภาพยนตร์ไทย
นาย วิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีทีเอช จำกัด และประธานสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยว่า ตั้งแต่ครึ่งปีแรกปีนี้ถือว่าอุตฯหนังไทยมีแนวโน้มที่ดี เพราะมีหนังไทยฟอร์มใหญ่เข้าฉายถึง 2 เรื่อง คือ พี่มาก...พระโขนง และคู่กรรม ส่งผลให้อุตฯคึกคัก
อย่างไรก็ตามคาดว่าภาพรวมของ อุตฯหนังไทยทั้งปีนี้จะโตต่อเนื่อง โดยมีภาพยนตร์ไฮไลต์ 2 เรื่อง คือ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 และต้มยำกุ้ง ภาค 2 ที่จะเข้าฉาย ทำให้
คาด ว่าอุตฯหนังไทยจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาทแน่นอน เพราะปีก่อนแม้ว่าจะไม่มีหนังไทยที่หวือหวา แต่ภาพรวมตลาดยังโตและมีมูลค่าถึง 1,100 ล้านบาท
โรงหนังขยาย สร้างโอกาส-รายได้
นาย วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันเมเจอร์ฯมีสาขาครอบคลุม 30 จังหวัด คาดว่าสิ้นปีนี้จะครอบคลุม 32-33 จังหวัด ด้วยปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าส่งผลให้อุตฯหนังไทยเติบโตเช่นกัน
ทั้ง นี้มองว่าถ้าหัวรถจักรไม่ขยาย อุตสาหกรรมหนังก็ไม่โต แต่วันนี้หัวรถจักรขยายตัวขึ้น เมเจอร์ฯมี 434 โรง สิ้นปีจะมีถึง 500 โรง บวกกับเทคโนโลยีกำลังถูกพัฒนาเป็นดิจิทัล ทำให้การผลิตหนังง่ายขึ้น ต้นทุนลดลง เชื่อว่าหนังไทยจะโตแน่นอน
ที่ผ่านมารายได้หนังไทย ไม่ถึง 100 ล้านบาท เพราะคอนเทนต์ยังไม่โดนใจผู้ชม ตอนนี้มีฮาร์ดแวร์คือ จำนวนโรงพร้อม เหลือแต่ซอฟต์แวร์ที่ยังต้องทำให้โดนใจผู้ชม ขอให้หนังดี เชื่อว่ามีโอกาสสร้างรายได้ อนาคตอาจเห็นหนังไทยหนึ่งเรื่องทำรายได้ 400-500 ล้านบาท เพราะโรงหนังพร้อมแล้วเช่นเดียวกับเครือเอสเอฟที่เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อ เนื่อง ก่อนหน้านี้
นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้เตรียมขยายอีก 10 สาขา ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ภายใต้งบฯ 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมี 228 โรง
จับพฤต"กรรมผู้ชมให้ถูกท"ศ
นาย วิสูตรกล่าวต่อว่า ปีนี้จีทีเอชจะเดินหน้าโฟกัสธุรกิจหลัก นั่นคือการสร้างหนัง คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีหนังเข้าฉายอีก 2 เรื่อง ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ เป็นหนังสยองขวัญ 1 เรื่อง และหนังรัก 1 เรื่อง
สำหรับ สิ่งที่ทำให้ จีทีเอช ประสบความสำเร็จตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา คือ การปรับกลยุทธ์ แบ่งเป็น 3 กลยุทธ์ คือ หนึ่ง ลดจำนวนการผลิตหนัง จากเดิมปีละ 7-8 เรื่อง เหลือ 3-4 เรื่องต่อปี ภายใต้งบฯ 25-30 ล้านบาทต่อเรื่อง
โฟกัสคุณภาพด้านการผลิตเป็นหลัก
สอง จับทิศทางและรสนิยมผู้ชม หลังพบว่าคนไทยชอบสนุกและขี้เบื่อ ต้องปรับตัวให้ทันสถานการณ์ หากจับเทรนด์ไม่ทันก็จบ เพราะว่าหนังแต่ละเรื่องสร้างล่วงหน้า 1-2 ปี
ส่วนกลยุทธ์ที่สาม คือ การสร้างแบรนด์ ต่อยอดสู่ธุรกิจต่าง ๆ ทั้งละครเวที คอนเสิร์ต เปิด "จีทีเอช ช็อป" สินค้าเมอร์แชนไดส์ ถือว่าประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์ จีทีเอช เพิ่มขึ้น
สหมงคลฯเน้นครบรส
นาง สาวชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานฝ่ายขาย บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า สหมงคลฯยังคงเดินหน้าสร้างหนังที่หลากหลายครบทุกแนว เชื่อว่าหนังต้องมีความหลากหลาย และเชื่อว่าถ้าทำหนังดีก็จะมีคนดู แม้ว่าสุดท้ายแล้วอาจจะประสบความสำเร็จแค่บางเรื่องก็ตาม ซึ่งเฉลี่ยแต่ละปีจะมีหนังเข้าฉาย 15-16 เรื่อง
ขณะที่ปีนี้จะมีหนัง โปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ 2 เรื่องหลักคือ ต้มยำกุ้งภาค 2 ระบบ 3 มิติ และตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 5 ยุทธหัตถี ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะวางโปรแกรมเข้าฉายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้รวม 1,500 ล้านบาท
ทั้งจากนำหนังจากต่างประเทศเข้ามาฉายและหนังไทย ถือเป็นตัวเลขการเติบโตสูงที่สุดตั้งแต่ทำหนังมา
ทั้ง นี้ตั้งแต่ต้นปี บริษัทมีหนังเข้าฉายหลายเรื่อง ทั้ง จันดารา ปัจฉิมบท เข้าฉายเป็นเรื่องแรก ตามด้วยปัญญาเรณู 3 รูปูรูปี ส่วนหนังรักปีนี้จะมีเรื่อง "ฤดูที่ฉันเหงา" และหนังวัยรุ่น "เกรียนฟิคชั่น" หนังโรแมนติก "เธอเขาเราผี" และมีโปรเจ็กต์ร่วมกับเวิร์คพอยท์ รวมถึงโปรเจ็กต์สิ่งเล็กเล็ก 2 ด้วย
เอ็ม 39 ปรับแนวคิด ขยับเนื้อหา
ประธาน กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ค่ายหนังเครือเมเจอร์ฯเตรียมหนังไทยที่จะเข้าฉายไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง จากทั้ง 2 ค่ายคือ เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์
ไม่ต่ำกว่า 7 เรื่อง และบริษัท ทาเลนต์ วัน จำกัด อีก 3 เรื่อง
"หนัง ของเครือเมเจอร์ฯลุ้นรายได้ 100 ล้านบาททุกเรื่อง เพราะแต่ละเรื่องต้องมีนักแสดงแม่เหล็ก คุณภาพต้องดี ทำให้ต้นทุนการสร้างหนังทุกเรื่องไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท"
สอดรับกับ นางสาวจันทิมา เลียวศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้วางเป้าหมายว่าจะผลิตหนังเพิ่มขึ้น แต่ก็คงค่อยเป็นค่อยไป เริ่มไตรมาสแรกด้วย "คู่กรรม" อย่างไรก็ตามผลจากการปรับแนวคิดและขยับเนื้อหาอย่างต่อเนื่องในปี 2555 ทำให้ภาพยนตร์ของค่ายได้รับความนิยมจากผู้ชมเพิ่มขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น