โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง
ที่มาhttp://www.posttoday.com
แต่โชคดีปีนี้บริษัทกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากการวางรากฐานไว้เมื่อ 2 ปีก่อน
TPOLY เห็นว่าอนาคตต้องเจอความเสี่ยงเพิ่ม จึงเริ่มปรับปรุงระบบไอทีที่ให้ทราบข้อมูลทุกอย่างขององค์กรแบบเรียลไทม์ (อีอาร์พี) มากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระจายความเสี่ยงการรับรู้รายได้ไปยังธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้นนอกจากจะทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว
ช่วงนี้บริษัทกำลังจะเริ่มรับรู้รายได้จาก 2 ธุรกิจใหม่ ที่วางไว้โดยหัวเรือใหญ่ที่มารับช่วงต่อคือน้องชายของเขา
“ไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี” กรรมการผู้จัดการคนใหม่ของ TPOLY น้องชายสายเลือดที่มารับช่วงต่อ เล่าว่า ปี 2555 ถือเป็นสิ่งที่บริษัทได้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปหมดแล้ว และคาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของบริษัทเพราะงานใหม่มีต้นทุนที่ลดลง
ปี 2556 จะเป็นปีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทจะกลับมาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จาก 2 ธุรกิจใหม่ที่ได้วางรากฐานไว้ ทำให้มองว่าสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 80% หรือประมาณ 2,600 ล้านบาท และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 15% หรือ 300-400 ล้านบาท และอีก 5% มาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ 160-170 ล้านบาท
งานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปีนี้ บริษัทเน้นกลยุทธ์รับงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือต้องมีมูลค่าโครงการ 400 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีงานที่รอรับรู้รายได้ (งานในมือ) 3,800 ล้านบาท แบ่งเป็นงานในมือจากปีก่อน 3,300 ล้านบาท และกำลังรอเซ็นสัญญาอีก 500 ล้านบาท โดยประมาณ 90% ของงานในมือมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 10-15% และมีเพียง 10% ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 10% ประกอบกับงานใหม่ที่จะเข้าร่วมประมูลประมาณ 1 หมื่นล้านบาท บริษัทคาดว่าจะได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยงานประมูลใหม่ได้ปรับราคากับต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้นแล้ว
“ปีก่อนไม่ใช่ปีของเรา แต่ตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ปกติ การตั้งรับความเสี่ยงก็เริ่มเป็นรูปร่าง ราคาวัสดุก่อสร้างก็อยู่ในช่วงทรงตัวหลังจากปีที่แล้วราคาเพิ่มขึ้น 5-10% ประเภทงานที่เพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจนคืองานประเภทคอนโดมิเนียมและช็อปปิ้งมอลล์”
“ไชยณรงค์” กล่าวถึงธุรกิจที่สองคือ โรงไฟฟ้า ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 2558 จะมีรายได้จากการร่วมทุนโรงไฟฟ้าภายในประเทศรวม 4 แห่ง ทั้งหมด 1,000 ล้านบาท คือ โรงไฟฟ้าช้างแรกที่จะเริ่มรับรู้ได้ปีนี้เป็นปีแรกตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป ขณะที่โรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 คือ โรงไฟฟ้าทุ่งสัง กรีน และโรงไฟฟ้ามหาชัย กรีน ซึ่ง 2 แห่งนี้จะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 2 ปี 2557 และโรงไฟฟ้าบางสะพานน้อย ปี 2558
อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุปการเซ็นสัญญาการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก 20-30 เมกะวัตต์ กับพันธมิตรทางธุรกิจและการไฟฟ้าของลาว และเบื้องต้นประเมินว่าจะใช้เวลาการก่อสร้าง 2 ปี และอาจจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำภายในปี 2559 ทำให้บริษัทคาดการณ์กันว่าภายในปี 2560 นี้ TPOLY จะมีกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าทั้งจากไทยและลาวทั้งหมด 100 เมกะวัตต์ ถึงตอนนั้นบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากโรงไฟฟ้า 30-40% จากอสังหาริมทรัพย์ 10-20% และธุรกิจหลักรับเหมาก่อสร้างที่ 50%
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ ศึกษาแนวทางเพื่อหาข้อสรุปโครงสร้างทางการเงินของบริษัทย่อยคือ TPC Power Holding ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อปลายปีก่อน เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน มิ.ย.-ก.ค.
ธุรกิจลำดับที่สาม คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อไตรมาส 4 ปีก่อน คือ โครงการก่อสร้างทาวน์โฮม กรีนิช แถวรามอินทรา 170 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ 80% อีก 20% รับรู้ในปี 2557
เห็นแผนการทำงาน 3 ธุรกิจของ TPOLY “ไชยณรงค์” บอกว่า การมาสานงานต่อจากพี่ชาย จริงๆ ไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะตอนที่พี่ชายทำอยู่ เขาเป็นผู้ช่วยและทำงานกับพี่มาตลอด 25 ปีที่บริษัทได้ก่อตั้งมา หรือเรียกได้ว่ารู้ใจกันโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเขาได้ส่งต่องานจากการประชุมกับลูกน้องแต่ละฝ่ายในทุกวันจันทร์ให้พี่ชายเป็นคนตัดสินใจ เพียงแต่ครั้งนี้เขาต้องกลายเป็นผู้ตัดสินใจเอง เท่ากับว่าระบบงานไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม เพียงแต่สิ่งที่เขาต้องการเพิ่มเติมขึ้นมาคือ การจะเริ่มยกบทบาทคนรุ่นใหม่ขึ้นมาให้มีความชัดเจนมากขึ้นในแต่ละสายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น