ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business
สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลทำให้ชุดชั้นใน “สล็อกกี้” ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แบรนด์หลักของ บริษัท ไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ต้องปรับกลยุทธ์รับมือสินค้านำเข้าจากประเทศจีนตีตลาด โดยทุ่มงบการตลาดสำหรับปีนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว พร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดใน 2 ทาง คือ ขยายฐานจากกลุ่มนักศึกษา ที่มีความอ่อนไหวต่อราคาไปสู่กลุ่มลูกค้าวัยทำงานอายุ 25-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และมีพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในตามแฟชั่น
กลยุทธ์การตลาดที่ออกมาตอบโจทย์ในจุดนี้จะมีการวางแผนการตลาดเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ และแคมเปญโปรโมชั่นที่จัดขึ้นในทุกๆเดือน ซึ่งเป็นกลยุทธ์กระตุ้นให้มีการซื้อชุดชั้นในเพิ่มขึ้น จากปกติผู้บริโภค มีเสื้อชั้นในเฉลี่ยประมาณ 20 ตัวต่อคน และกางเกงในประมาณ 30 ตัว
การกลับมารุกตลาดใน 3 ปีของ “สล็อกกี้” ไม่เพียงปรับเกมรับสินค้าจีน แต่ยังวางแผนขึ้นเป็นผู้นำตลาดภายในระยะ 2 ปี โดยวางเป้าหมายหลังทำตลาดเชิงรุกด้วยการขยายฐานและเพิ่มความถี่ในการซื้อแล้ว จะทำให้ชุดชั้นใน “สล็อกกี้”เบียด“จ๊อกกี้” ขึ้นแท่นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทน รวมถึงมียอดขายเติบโตปีละ 20% มีอัตราการเติบโตกว่าตลาดรวมมูลค่า 1 พันล้านบาทที่เติบโต 10% ต่อปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น