วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

เอสโซ่ขาย 'อี20' ชิงส่วนแบ่งรถคันแรก


วันที่ 8 มีนาคม 2556 12:28
โดย : วิภาพร จิตสมบูรณ์
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business
ผู้บริหารระดับสูงเอสโซ่ ระบุ เตรียมขายน้ำมัน อี20 ไตรมาส 2 นี้ หวังชิงส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะรถคันแรก
การขยายตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ค้าน้ำมันจึงต้องหากลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง


นายยอดพงศ์ สุตธรรม กรรมการและผู้จัดการการตลาดขายปลีก การตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง บริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ให้สัมภาษณ์"กรุงเทพธุรกิจ" ถึงภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในปี 2556 ว่า ยอดขายน้ำมันยังคงมีโอกาสเติบโตจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะขยายตัว 4-5% ขณะที่สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจากในปี 2555 ที่หลายบริษัทปิดสถานีบริการน้ำมันมากกว่าเปิดสถานีบริการใหม่ โดยผู้ค้าน้ำมันหลายรายเริ่มลงทุนขยายเครือข่ายมากขึ้นและจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

ทั้งนี้ เอสโซ่ตั้งเป้าว่าในปี 2556 ยอดขายน้ำมันจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% โดยเป้าหมายหลักคือการรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 2 ของตลาดค้าปลีกน้ำมัน จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 17% ซึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ในปีนี้คือการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 เพราะความต้องการน้ำมันประเภทนี้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงจุดที่คุ้มค่าการลงทุน โดยรถส่วนใหญ่ในโครงการรถยนต์คันแรกสามารถใช้อี 20 ได้ เอสโซ่จึงต้องการชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการพัฒนาและทดสอบอี 20 เพื่อให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยเอสโซ่คาดว่าจะวางจำหน่ายอี 20 ได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้

"เอสโซ่ใช้เงินลงทุนหลายร้อยล้านบาทในการเตรียมความพร้อมเพื่อวางจำหน่ายอี 20 และต้องรอการอนุมัติจากบริษัทแม่คือเอ็กซอนโมบิล เพราะผลิตภัณฑ์น้ำมันที่วางจำหน่ายทั่วโลกในปัจจุบันยังไม่เกิน อี 15 และไทยเป็นประเทศแรกที่เอสโซ่จะวางจำหน่ายอี 20 ซึ่งถือเป็นสินค้าใหม่"

อย่างไรก็ตาม แม้ในปัจจุบันเอสโซ่จะค่อนข้างเข้มแข็งในกลุ่มน้ำมันดีเซล โดยมียอดขายกว่า 70% แต่ปริมาณการใช้อี 20 เติบโตแบบก้าวกระโดด การวางจำหน่ายอี 20 จึงเป็นโอกาสดีในการขยายส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น โดยในระยะแรกเอสโซ่จะวางจำหน่ายอี 20 ที่สถานีบริการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และสถานีบริการในเมืองหลัก หลังจากนั้นจะขยายการจำหน่ายตามความต้องการในแต่ละพื้นที่

นอกจากนั้น เอสโซ่ยังกลับมาจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 โดยในระยะแรกจะวางจำหน่ายในสถานีบริการอย่างน้อย 300 แห่งทั่วประเทศ เพื่อทดแทนการยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ตามนโยบายรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนน้ำมันอี 85 ยังไม่มีแผนวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ เพราะปริมาณความต้องการใช้ไม่มากนัก จึงยังไม่คุ้มค่าการลงทุน ส่วนแอลพีจีแม้จะผลิตได้เอง แต่เป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตที่ได้จากการกลั่นน้ำมันซึ่งมีปริมาณไม่มากนัก

ส่วนการปรับปรุงและขยายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศนั้น เอสโซ่ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2556-2558 จะเพิ่มจำนวนสถานีบริการใหม่อีก 100 แห่งทั่วประเทศ เพื่อทดแทนสถานีบริการที่ปิดตัวเพราะอยู่ในทำเลที่ไม่สามารถแข่งขันได้หรือไม่สามารถต่อสัญญาได้ ซึ่งคาดว่าเมื่อสิ้นปี 2558 เอสโซ่จะมีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ 570 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 515 แห่ง โดยจะเปิดให้ลูกค้าลงทุน และเอสโซ่จะสนับสนุนค่าการตลาดเพื่อชดเชยการลงทุน โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ค่าการตลาดไม่เอื้ออำนวยให้เกิดการลงทุนใหม่ แต่ปัจจุบันค่าการตลาดเริ่มดีขึ้น แม้จะไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

สำหรับการจัดโปรโมชันแจกน้ำดื่มซึ่งดำเนินการมากว่า 10 ปีนั้น เอสโซ่ยังคงดำเนินการต่อไป เพราะเป็นส่วนหนึ่งของจุดขาย และในปีนี้เอสโซ่จะจัดกิจกรรมแคมเปญชิงโชคต่างๆอย่างต่อเนื่อง หลังไม่ได้ดำเนินการมากว่า 10 ปี
"เราพร้อมกลับเข้าสู่การแข่งขันแล้ว หลังใช้เวลา 2 ปีก่อนหน้านี้ในการปรับปรุงภาพลักษณ์ของสถานีบริการ โดยจุดขายของเอสโซ่คือการเป็นผู้นำด้านคุณภาพของน้ำมัน เพราะมีโรงกลั่นเอง สามารถควบคุมการผลิตได้ในทุกขั้นตอนจนมาถึงมือผู้บริโภค"

ส่วนธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นนั้น เอสโซ่ตั้งเป้าขยายศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Mobil 1 Center ซึ่งปัจจุบันมี 200 สาขาทั้งในสถานีบริการน้ำมันและนอกสถานีบริการน้ำมัน โดยตั้งเป้าเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 50 สาขา เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น เอสโซ่ยังทยอยเปลี่ยนถังน้ำมันใต้ดินในสถานีบริการที่เปิดใช้งานมานาน โดยเปลี่ยนเป็นถัง 2 ชั้น ระบบท่อ 2 ชั้น จากเดิมที่เป็นถังชั้นเดียว เพื่อไม่ให้เกิดการหลุดรั่วและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเปลี่ยนหลอดไฟในสถานีบริการน้ำมันเป็นหลอดแอลอีดี เพื่อลดการใช้พลังงาน ลดความร้อน และมีอายุการใช้งานมากขึ้น เพื่อให้สถานีบริการของเอสโซ่เป็นสถานีบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับการเตรียมความพร้อมของธุรกิจก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 2558 นั้น เอสโซ่เป็นบริษัทน้ำมันข้ามชาติที่มีธุรกิจทั่วโลก โดยมีธุรกิจพลังในอาเซียนเกือบทุกประเทศ เออีซีจึงไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แม้จะมีผู้ค้าน้ำมันเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จึงไม่น่ามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเอสโซ่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น