วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

กู๊ดเยียร์-เผยผลประกอบการปี55โตต่อเนื่อง



ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/auto-mobile
นายริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยผลการประกอบการประจำปี 2555 ว่า ปี 55 นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 36,000 ล้านบาท เมื่อคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30 บาท เทียบเท่า 1 เหรียญสหรัฐ) ท่ามกลางสภาวการณ์ตลาดที่ความต้องการซื้อต่ำ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของธุรกิจยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ


นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มตระหนักในผลประโยชน์จากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในประเทศจีน บริษัทจึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา และเอเชียแปซิฟิกในปีที่ผ่านมา กู๊ดเยียร์มั่นใจว่าจะยังคงความสามารถในการส่งมอบผลกำไรที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง” มร.เครเมอร์ กล่าวเสริม

ในปี 2555 กู๊ดเยียร์มียอดขาย 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 630,000 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 8 จากยอดขายมูลค่า 22,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 684,000 ล้านบาท) ในปี 2554 ยอดขายดังกล่าวเกิดจากการใช้กลยุทธ์ราคา/ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้รายได้ต่อยางรถยนต์ 1 เส้น เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 8 ไม่รวมผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน แต่เมื่อคำนวณจากปริมาณยางรถยนต์ทั้งหมดที่จำหน่ายและผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้ยอดขายรวมมีมูลค่าลดลง 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 48,000 ล้านบาท) และ 766 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 22,980 ล้านบาท) ตามลำดับ

นอกจากนี้ยอดขายที่ต่ำลงในกลุ่มธุรกิจประเภทยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการจำหน่ายเคมีภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัทคู่ค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือนั้น ยังส่งผลให้มูลค่ายอดขายรวมในปี 2555 ลดลง 489 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 14,670 ล้านบาท) อีกด้วย

สำหรับรายได้จากการดำเนินงานในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ของปี 2555 จำนวน 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 36,000 ล้านบาท) คิดเป็นมูลค่าที่ลดลง 120 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 3,600 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับปี 2554 ซึ่งกำไรที่ลดลงนี้เป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซาในยุโรป แม้ว่าตลาดภูมิภาคอเมริกาเหนือจะมีแนวโน้มที่ดี

อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 บริษัทได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์ราคา/ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 30,000 ล้านบาท) แต่บริษัทก็มีต้นทุนด้านวัตถุดิบที่สูงขึ้นถึง 576 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 17,280 ล้านบาท) รวมถึงเม็ดเงินลงทุนมูลค่า 249 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 7,470 ล้านบาท) เพื่อลดผลกระทบด้านราคาวัตถุดิบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น