วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) ทำรายได้ปี 2555 สูงเป็นประวัติการณ์


แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) ทำรายได้ปี 2555 สูงเป็นประวัติการณ์ ประกาศพร้อมรุกตลาดเอสเอ็มอี
14 Mar 13 ,  SAS
ที่มา http://www.logisticsdigest.com/article/company-focus
บริษัท แซส ผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ ทำรายได้ทั่วโลกในปี 2555 เป็นประวัติการณ์ 2.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็น ”ผู้มีอิทธิพล” ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่" จากบริษัทวิจัยแห่งหนึ่ง 1 ขณะเดียวกันบริษัท แซส ซอฟต์แวร์ (ไทยแลนด์) มีผลประกอบการในปี 2555 ซึ่งได้รับผลกำไรเช่นเดียวกันถึง 71 เปอร์เซ็นต์ โดยในปีที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจด้านสถาบันการเงินและธนาคาร รองลงมาเป็นในส่วนของภาครัฐ


นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า  “ในปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด มีผลประกอบการรายได้เติบโตขึ้นถึง 71 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในส่วนของค่าธรรมเนียมซอฟต์แวร์ปีแรก ที่เพิ่มขึ้นถึง 217 เปอร์เซนต์  ถือเป็นสถิติใหม่ของบริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) ในรอบ 11 ปีนับแต่ก่อตั้งในประเทศไทย และจากผลการเติบโตของรายได้ทำให้บริษัทแม่ในต่างประเทศเพิ่มทุนจดทะเบียนให้กับบริษัทในประเทศไทยเพิ่มอีก 120 เปอร์เซ็นต์

สำหรับซอฟต์แวร์ แซส วิชวล อนาไลติกส์ (SAS Visual Analytics) หลังจากการเปิดตัวในประเทศไทยเดือนพฤศจิกายน 2555 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและรวดเร็วจากนักวิเคราะห์และลูกค้า เนื่องจากประโยชน์ของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ง่ายดายและสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง และคาดว่า SAS Visual Analytics จะยังคงมีความโดดเด่นอย่างต่อเนื่องในปี 2556 ซึ่งมาจากความต้องการมุมมองในเชิงลึกทางธุรกิจที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี  ทั้งนี้การประมวลผล SAS High-Performance Analytics Server จะผสานรวมความเร็วของซอฟต์แวร์ในหน่วยความจำขนาดใหญ่เข้ากับการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ขั้นสูง ซึ่งช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นำไปสู่การตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

และในปี 2556 บริษัท แซส จะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น อาทิ ด้านพลังงานและไฟฟ้า เฮลท์แคร์  การผลิต และสาธารณูปโภค ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก และจะยังคงรักษาลูกค้ากลุ่มเดิมคือ ด้านสถาบันการเงิน ธนาคาร โทรคมนาคม ส่วนของภาครัฐ นอกจากนี้ยังเพิ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่ม Volume Business โดยเป็นกลุ่มลูกค้าด้านเอสเอ็มอี (SMEs) ซึ่งมีจำนวนของผู้ประกอบการธุรกิจด้านนี้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทุกปี พร้อมตั้งเป้าหมายของผลประกอบการในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2555

ทั้งนี้บริษัท แซส ได้สร้างกลยุทธ์เพื่อประสบความสำเร็จคือ หลักการ 4 V ประกอบด้วย 1) Volume เป็นการเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญและช่องทางการจัดจำหน่าย 2) Velocity การเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ 3) Variety การขยายกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น และ 4) Value คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการพัฒนาศักยภาพของซอฟต์แวร์ ซึ่งปัจจุบัน บริษัท แซส ร่วมมือกับทางซิป้า (SIPA) ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะด้านเพื่อออกจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ”

นายทวีศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปี 2555 ยังเป็นปีที่โดดเด่นของบริษัท แซส ในด้านวัฒนธรรมองค์กรอีกด้วย โดย Great Place to Work® ได้ยกย่องให้บริษัท แซส ติดอันดับ 1 ในทำเนียบบริษัทข้ามชาติที่น่าทำงานที่สุดในโลก โดยพิจารณาจากด้านสถานที่ทำงานที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ ชุมชนที่มีลักษณะเปิดกว้าง สิทธิประโยชน์ที่เอื้ออาทร และการสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน  นอกจากนี้ บริษัท แซส ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานที่สุดจากนิตยสารฟอร์จูนในประเทศสหรัฐอเมริกาทุกปี นับตั้งแต่มีการเริ่มต้นจัดอันดับในปี 2541 และยังติดอันดับต้นของบริษัทที่น่าทำงานในอีก 17 ประเทศทั่วโลก

ทางด้านการตอบแทนกลับสู่สังคม (CSR) ในประเทศไทย บริษัท แซส ได้จัดทำโครงการ แซส เคอริคูลัม พาธเวย์ (SAS Curriculum Pathways) ซึ่งเป็นบทเรียนออนไลน์ฟรี ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยการนำซอฟต์แวร์ที่ได้มีการพัฒนาจากประเทศอเมริกามาใช้ในการจัดการเนื้อหาการเรียนระดับมัธยมต้น และมัธยมปลาย สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการใช้ซอฟต์แวร์ SAS Curriculum Pathway นอกประเทศอเมริกามากที่สุดในโลก  โดยใช้มากถึง 286 โรงเรียน นับจากเริ่มจัดทำโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2010  ซึ่งโครงการนี้จะทำให้นักเรียนสามารถเรียนหรือศึกษาเนื้อหาต่างๆในช่วงเวลาใดก็ได้ และทำให้นักเรียนสนใจในการเรียนรู้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นโครงการเรียนฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ”

1 "Forrester Research, Inc., The Forrester Wave™: Big Data Predictive Analytics Solutions, Q1 2013."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น