วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

โค้กขึ้นแชมป์น้ำดำรอบ20ปี ทุ่ม4พันล้านบ.ขยายลงทุนเพิ่ม


วันอังคารที่ 5 มีนาคม 2556 เวลา 13:45 น.
ที่มา http://www.dailynews.co.th/businesss/188504
ตลาดน้ำดำในปี 55 โค้กขึ้นเป็นอันดับ 1 แทนเป๊ปซี่ ที่ตกลงไปเป็นอันดับ 2 เติบโตที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 25 ปีตั้งแต่ทำธุรกิจมา
นายแอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคลา ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 55 ที่ผ่านมา บริษัทมีผลกำไรขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ และหากแยกเฉพาะตลาดน้ำดำ โค้กก็ขึ้นเป็นอันดับ 1 แทนเป๊ปซี่ ที่ตกลงไปเป็นอันดับ 2 ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจโคคา-โคลา เติบโตที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 25 ปีตั้งแต่ทำธุรกิจมา โดยเติบโตขึ้น 23% หากแยกออกมาเฉพาะน้ำดำ โค้กเติบโต 32% ถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งประเทศไทย นับเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอินเดีย มีส่วนแบ่งการตลาดรวมสูงสุด 55% ในตลาดธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ของไทย รวมถึงตลาดน้ำผลไม้ที่เติบโต 16.5%

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้โค้กขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ได้ เพราะคู่แข่งอีก 2 ค่ายเพิ่งเริ่มทำตลาดใหม่ จึงต้องใช้เวลาปรับตัว ขณะเดียวกันในส่วนของโค้ก ก็ได้เน้นทำการตลาดใหม่ ทั้งเพิ่มสายการผลิต โดยจะเปิดโรงงานใหม่ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยงบลงทุน 1,400 ล้านบาท และตลอดทั้งปีนี้ ได้ทุ่มลงทุนรวมสำหรับสายการผลิตอีก 4,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ คือ เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำอัดลมใหม่ ๆ ไปพร้อมกับการขยายตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลม ให้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับเป้าหมายของ เดอะ โคคา โคลา คอมปะนี ที่ตั้งเป้าหมายจะขยายให้ตลาดเติบโตขึ้น 2 เท่าภายในปี 63 โดยไทยเป็นประเทศที่เป็นกำลังสำคัญ เพราะมียอดเติบโตสูง และคาดว่าในปี 63 ไทยจะเติบโตทางธุรกิจได้ถึง 2 เท่าแน่นอน

ด้านนายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า มี.ค.นี้ บริษัท จะเดินเครื่องสายการผลิตน้ำอัดลม ซึ่งผลิตได้นาทีละ 1,200 ขวด ที่โรงงานรังสิต และภายในปีนี้ มีแผนจะเพิ่มสายการผลิตใหม่อีก 3 เครื่อง เชื่อว่าจะช่วยผลิต ทั้งเครื่องดื่มแบบอัดลม ไม่อัดลมเพิ่มขึ้น โดยใช้งบทุนสายการผลิต 2,600 ล้านบาท อีกทั้งดูแลเรื่องการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องจนปีที่ผ่านมา สามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตลาดในไทยได้

“ที่ผ่านมาโค้กเจาะตลาดในภูมิภาคต่าง ๆ ได้หมด แต่กับตลาดในกรุงเทพฯ ยังเจาะได้ค่อนข้างยาก และจากปัญหานี้ จึงทำให้หันมาปรับปรุงการตลาด อย่างจริงจังช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มทำโฆษณาในกรุงเทพฯ มากขึ้น ดูแลเรื่องการจัดจำหน่ายและเน้นการบริการ ก็เริ่มได้ผล รวมถึงการที่ เอสและเป๊บซี่เปลี่ยนแปลงตลาด ก็ได้อานิสงส์จากตรงนี้ด้วย”

นายพรวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ใช้การขนส่งสินค้า ด้วยระบบรับคำสั่งก่อนจัดส่ง (พรีเซลส์) ซึ่งจะทำให้ส่งสินค้าไปในปริมาณที่พอดีกับยอดสั่งซื้อ เพื่อให้รถส่งของไม่ต้องวิ่งกลับ พร้อมสินค้าที่ขายไม่หมดจำนวนมาก ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจากการวิ่งที่สูญเปล่าโดยหลังจากใช้ระบบพรีเซลส์ เครื่องดื่ม 99% ขายได้ทั้งหมด ตามยอดคำสั่งซื้อที่แน่นอน เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่ส่งได้เพียง 65% จากที่ขนส่งไป

พล.ต.พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท หาดทิพย์ กล่าวว่า เดือน เม.ย. จะเปิดโรงงานใหม่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะทำให้การผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบบขวดพลาสติกเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า เพราะขณะนี้ขวดเพ็ทได้รับความนิยมมากกว่าขวดแก้วแล้ว และมีแผนที่จะลงทุนกว่า 50 ล้านเพื่อทำโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น