ที่มา http://www.logisticsdigest.com/news/port/item
นายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด ผู้บริหารโครงการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” เปิดเผยว่า การขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ามาทำโครงการสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช็อปปิ้ง ภายใต้ชื่อ “เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์” (ASIATIQUE The Riverfront) ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านเจริญกรุง บนพื้นที่กว่า 72 ไร่ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน) เปิดให้บริการเวลา 17.00-24.00 น. เพราะมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ สร้างรายได้เพิ่ม ประกอบกับมีเป้าหมายให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
จุดขายของ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” นอกจากเสน่ห์ของความเก๋าที่มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมโคโรเนียล ในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว ยังเป็น “Festival Market and Living Museum” แหล่งท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้งริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีความยาวระนาบเดียวกับแม่น้ำถึง 300 เมตร นอกจากนี้ ภายในโครงการ ยังแบ่งเป็นย่านการค้าต่างๆ 4 ย่านหลัก เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
โดยย่านเจริญกรุง ประกอบด้วย ร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว และสินค้าของแต่งบ้านกว่า 1,000 ร้านค้า นอกจากนี้ยังมีโรงละคร ที่รองรับคนดูได้กว่า 400 ที่นั่ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปวัฒนธรรมไทยกับหุ่นละครเล็ก โจหลุยส์ หรือโชว์สุดอลังการจากคาลิปโซ่ รวมถึงร้านอาหารชั้นนำต่างๆ ย่านกลางเมือง เป็นลานจัดกิจกรรมกลางแจ้ง และโซนอาหารนานาชาติ ที่รวบรวมอาหารขึ้นชื่อจากประเทศต่างๆ ในบรรยากาศง่ายๆ สบายๆ บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร
ย่านโรงงาน คาดหวังให้เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์แห่งใหม่บนถนนเจริญกรุง ที่รวบรวมร้านอาหาร ผับ และร้านค้าสุดฮิปกว่า 500 ร้านค้าในอาคารโรงเลื่อยเก่าอายุกว่า 100 ปี ที่ได้รับการออกแบบใหม่ในบรรยากาศของคนทันสมัย
ย่านริมน้ำ เป็นวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กลับมาพร้อมร้านอาหารนานาชาติ ทั้งญี่ปุ่น อิตาเลียน ไทย จีน ซีฟู้ด และไวน์บาร์ ที่นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำบรรยากาศแบบพาโนราม่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ พร้อมทางเดินริมน้ำที่ยาวที่สุดในเมืองไทยกว่า 300 เมตร
นอกจากนี้ ยังมี “ASIATIQUE SKY” ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ความสูง 60 เมตร สูงที่สุดในประเทศไทย ที่ใช้งบลงทุนกว่า 10 ล้านยูโร หรือประมาณ 400 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณลานเอเชียทีค พาร์ค เป็นแม่เหล็กดูดนักท่องเที่ยวด้วย
1 ปีของการเปิดให้บริการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ถือว่า ประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ และมาท่องเที่ยวหนาแน่นเฉลี่ยวันละ 30,000-40,000 คนในวันธรรมดา เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีประมาณวันละ 15,000 คน และพุ่งขึ้นถึงวันละ 50,000-60,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีวันละ 30,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยวันธรรมดาเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย 30% นักท่องเที่ยวต่างชาติ 70% วันเสาร์-อาทิตย์ 50:50 มีเงินสะพัดเดือนละไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท ปีละ 3,000 ล้านบาท
“ดีใจที่เอเชียทีคฯ เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประเทศไทย และวันนี้เอเชียทีคฯ ก็เป็นเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาท่องเที่ยวไปแล้ว นอกเหนือจากวัดพระแก้ว วัดโพธิ์ จนปี 2555 ติด 25 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอต ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเที่ยว เมื่อมาเยือนประเทศไทย ยิ่งหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 เชื่อว่าจะมีทัพนักท่องเที่ยวไหลทะลักเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยและที่เอเชียทีคฯ เพิ่มขึ้นมหาศาล”
นางวัลลภา ไตรโสรัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า การทำตลาดของเอเชียทีคฯ จะเน้นอัดกิจกรรมสำคัญๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อตอกย้ำความเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ โดยปีนี้จะจัดกิจกรรมสำคัญๆ 6 งานใหญ่ นำร่องที่งานมหกรรมวันสงกรานต์ “Asiatique Songkran Carnival 2013” เมื่อ 13-15 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งฉลองครบรอบ 1 ปีของเอเชียทีคด้วย
ตามด้วยงาน “Asiatique Thai Fight” การแข่งขันชกมวยไทยระดับโลก ในช่วงเดือน มิ.ย., งานสีสันในวันวาน “Asiatique Vintage Festival” เดือน ส.ค., งานลอยกระทง “Asiatique Loi Krathong Festival” ซึ่งทำร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในช่วงเดือน พ.ย., งานดนตรีแจ๊สระดับโลก “Asiatique Jazz Festival” ในช่วงเดือน พ.ย.และงานส่งท้ายปีเก่า “Asiatique Bangkok Countdown” วันที่ 31 ธ.ค.สิ้นปี 2556 แต่ละงานคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แห่แหนเข้ามาร่วมงานหนาแน่นแน่นอน
“แผนการขยายโครงการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ในสเต็ปต่อไปคงมีให้เห็นแน่นอน เพราะเป้าหมายของบริษัทฯ ต้องการทำโครงการไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งแหล่งช็อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม ที่จอดรถ (พาร์คแอนด์ไรด์) และอื่นๆ ที่เป็นเดสติเนชั่นหลายจุดและเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำโดยเรือจากกรุงเทพฯถึง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรองรับทัพนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีที่ดินอยู่ติดริมแม่น้ำหลายแห่ง”
ไล่ตั้งแต่ฝั่งตรงข้ามเอเชียทีคฯ บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านเจริญนคร ที่มีที่ดินอยู่ 29 ไร่, ตึกเก่าอีสท์เอเชียติก (ข้างโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ), บริเวณบ้านเก่าของตระกูล “สิริวัฒนภักดี” บน ถ.ทรงวาด,ย่านบางโคล่ (พระราม 3) ข้างโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์, ต.บางกระเจ้า จ.สมุทรสาคร และ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีที่ดินผืนใหญ่กว่า 3,000 ไร่ก่อนถึงศูนย์ศิลปาชีพบางไทร คาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะได้เห็นแน่นอน ว่าในแต่ละจุดบนทำเลทองดังกล่าว จะปั้นเป็นโครงการอะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น