วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

“เจมาร์ท”ประกาศความพร้อมรับ3จี สต็อกมือถือ1.2แสนเครื่อง/เดือน เปิดช็อปให้ครบ280สาขาสิ้นปีนี้

.ที่มาhttp://www.naewna.com/business/50495
วันศุกร์ ที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ช่วงต้นเดือนเมษายน 2556 ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวเลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส, บริษัท ดีแทค เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชัน จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ในเครือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะเปิดให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ เจมาร์ทในฐานะตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการเปิดใช้งาน 3จี โดยได้เตรียมพร้อมการวางจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนไว้ทั้งสิ้น 30 รุ่น จากทุกแบรนด์ รวมทั้งได้ทำการสต็อกสินค้าไว้จำหน่ายจำนวน 1.2 แสนเครื่องต่อเดือน กระจายใน “เจมาร์ท ช็อป” ทั้ง 240 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็นแบรนด์ต่างชาติ 1 แสนเครื่อง และเจโฟน 20,000 เครื่อง

อย่างไรก็ตาม ที่เจมาร์ท ช็อปทุกสาขา ยังมีจุดบริการลูกค้าย้ายเลขหมาย จากระบบ 2จี ในคลื่นเดิม ไปยังคลื่นความถี่ใหม่ รวมทั้งการแนะนำความรู้ทางด้านเทคโนโลยี 3จี ให้บริการข้อมูล แนะนำการใช้งาน เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การเตรียมพร้อมดังกล่าวเจมาร์ทได้ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 400 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ใช้ในการปรับโฉมและเพิ่มจำนวนเจมาร์ท ช็อปให้เพิ่มเป็น 280 สาขา ภายในสิ้นปี 2556 แบ่งเป็น ปี 2555 จำนวน 150 ล้านบาท และปี 2556 อีกจำนวน 250 ล้านบาท

สำหรับการคาดการณ์ยอดขายในปี 2556 นี้ เชื่อว่าเจมาร์ทจะสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ 1.5 ล้านเครื่อง โดยจากการเปิด 3จี ในปี 2556 นี้ คาดจะทำให้รายได้และกำไรของเจมาร์ท เติบโต 40% จากปี 2555 ที่มีรายได้ทั้งสิ้น 300 ล้านบาท และกำไร 80,000 ล้านบาท ทั้งนี้สิ้นปี 2555 ในตลาดมีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนประมาณ 75 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 3จีได้ประมาณ 15 ล้านเครื่อง ซึ่งในปี 2556 คาดจะตลาดจะเติบโตประมาณ 30%

นอกจากนี้ ภายในปี 2556 เจมาร์ทมีแผนการขยายตลาดเพิ่มไปยังพม่า รองรับการเป็นประชาคมเศรษบกิจอาเซียน (เออีซี) เพราะตลาดพม่ายังมีโอกาสเติบโตสูง ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือปัจจุบันมีเพียง 10% จากจำนวนประชากรทั้งหมด

โดยในการเข้าไปลงทุนนั้น เนื่องจากติดข้อกำหนดของพม่าที่ห้ามต่างชาติเข้าไปลงทุนด้านนี้ ดังนั้นจึงจะให้ตัวแทนบริษัทสัญญาติพม่ารายหนึ่ง ทำสัญญากู้เงินลงทุนกับเจมาร์ท ภายใต้ชื่อ บริษัท เจ แอนด์ พี ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เตรียมจัดตั้งขึ้นใหม่ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตร โดยเจมาร์ทถือหุ้น 40% ที่เหลือประกอบด้วย กลุ่มบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 20% รวมทั้งบริษัทจากพม่า ได้แก่ บริษัท เอ็มเค กรุ๊ป 30% และบริษัท เอสไอเอส ถือหุ้น 10% เบื้องต้นจะใช้เงินทุนจดทะเบียนและเปิดสาขา 20 แห่ง รวมประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนจะมีการลงทุนเพิ่มเติมต่อไป คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดในพม่าได้อย่างแน่นอน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น