นายพัฒนะ อิสระพิทักษ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและภาพลักษณ์ บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างยอดจำหน่ายผ้าเบรกได้ถึง 820 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2554 แบ่งเป็นตลาดภายในประเทศ (ตลาดทดแทน) 70% ตลาด OES 10% (ป้อนศูนย์บริการรถยนต์แบรนด์ต่างๆ) และตลาดต่างประเทศประกอบด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และภูมิภาคตะวันออกกลางอีก 20% ขณะที่แผนการขยายตลาดต่างประเทศใหม่ๆ ทั้งที่รัสเซียและบราซิลยังเป็นไปตามแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้ รวมถึงการตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเมืองทวาย ประเทศพม่า เพื่อรองรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ภายในปี 2558
ทั้งนี้เพื่อให้ยอดจำหน่ายปี 2556 บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งเป้าไว้ จึงทุ่มงบประมาณเบื้องต้นอีกไม่น้อยกว่า 35 ล้านบาท เพื่อใช้สื่อสารทางการตลาดผ่านการประชาสัมพันธ์สื่อต่างๆ รวมทั้งจัดโปรโมชั่นกับร้านค้าผู้แทนจำหน่ายและผู้บริโภค โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมโรดโชว์ขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์บริษัท ตราสินค้า และผลิตภัณฑ์
และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค บริษัทยังจัดทำป้ายตราสัญลักษณ์ “COMPACT” ขนาดต่างๆ นำไปติดตั้งที่ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พร้อมดูแลการเสียภาษีป้ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยตั้งเป้าติดตั้งให้ครบ 5,000 ร้านค้าที่เป็นตัวแทน และภายใน 2 ปีจากนี้ก่อนเปิด AEC จะติดให้ครบ 20,000 ป้าย
“กิจกรรมโรดโชว์ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัท โดยโรดโชว์นี้ใช้ชื่อว่า Pause For Safety ที่จะจัดจัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก ต่อจากนั้นจะเดินทางไปจัดที่ขอนแก่น ภูเก็ต และชลบุรี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Pause For Safety คือ หยุดอย่างปลอดภัย มั่นใจในผ้าเบรก เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและขยายฐานลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้ร้านค้าผู้แทนจำหน่าย พร้อมทั้งทำกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการมอบผ้าเบรกคอมแพ็คให้เทศบาลนครเชียงใหม่ นำไปใช้ในการปฏิบัติราชการ จำนวน 100 คัน”
อย่างไรก็ดีในปี 2556 นี้ บริษัทได้ทุ่มงบถึง 135 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตผ้าเบรกจาก 4 ล้านชุดเป็น 5.5 ล้านชุด ในไตรมาสสองของปี 2556 นี้ เพื่อรองรับความต้องการตลาดที่มีอยู่สูง หลังจากที่ในปี 2555 ที่ผ่านมา ความต้องการผ้าเบรกของบริษัทมีสูงกว่ากำลังผลิตมากถึง 1-1.5 ล้านชุดในทุกกลุ่มรถยนต์ ส่งผลทำให้กำลังผลิตทั้งที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรีและมหาชัยที่มีรวมกัน 4 ล้านชุดต่อปีไม่เพียงพอ
“บริษัทจึงเร่งขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สองนี้ ที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรี โดยใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 30% หรือราว 1.5 ล้านชุด และสามารถเพิ่มได้ถึง 1.5 ล้านชุด หรือ 50% ของกำลังผลิตในปัจจุบัน โดยในปี 2556 บริษัทตั้งเป้าขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 20% จากปีที่ผ่านมา มั่นใจว่ายอดขายรถยนต์ในตลาดเมืองไทยปี 2555 ที่มีจำนวนร่วม 1.6 ล้านคัน บวกรวมกับรถยนต์เก่าที่ยังใช้งานอยู่กว่า 10 ล้านคัน จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จตามที่คาดไว้อย่างแน่นอน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น