วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ติ๊ด..ติ๊ด..ทามาก๊อตจิ เกาะติดทุก Generration

ติ๊ด..ติ๊ด..ทามาก๊อตจิ เกาะติดทุก Generration



 ภาพ http://www.tvwaimun.com
            TAMAGOTCH หรือสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์ของค่าย Bandai ผู้ผลิตของเล่นจากแดนอาทิตย์อุทัย เข้าสู่ตลาดเมืองไทยเมื่อประมาณปี 2541 หรือเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา วัยรุ่นไทยในยุคนั้น หรือในกลุ่ม Gen’ X ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักในตลับรูปไข่ และเป็นครั้งแรกของตลาดของเล่นกับการเกิดกระแส TAMAGOTCH Fever อย่างรุนแรง และรุกลามอยูในกลุ่มวัยรุ่นอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้สินค้าขาดตลาดในเวลาไม่นานนัก

กระแสของ TAMAGOTCH Fever ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในตลาดเมืองไทย เพราะเกือบทั่วทุกมุมโลกเจอะเจอกับฤทธานุภาพของเจ้าสัตว์เลี้ยงมหัศจรรย์มาแทบจะทั้งสิ้น โดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่น TAMAGOTCH สามารถสร้างประวัติศาสตร์การจำหน่ายของเล่นในญี่ปุ่นด้วยการจำหน่ายหมดเพียงไม่กี่วันหลังวางตลาด และจากการสำรวจในสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา พบว่า TAMAGOTCH สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดถึง 40 ล้านตัว และ 12 ล้านตัว ตามลำดับ ในส่วนของประเทศไทยมียอดขายไม่น้อยกว่า 5 หมื่นตัว ในที่นี้ยังไม่นับรวมสินค้าเลียนแบบจากประเทศจีน และไต้หวันที่ทะลักเข้าสู่ตลาดเมืองไทยนับแสนตัว

2 ปี ให้หลังนับจากการเปิดตัว Bandai ยังคงรุกหนักด้วยการส่ง TAMAGOTCH เวอร์ชั่นต่าง ๆ ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องก่อนจะเงียบหายไปพร้อมกับมีข่าวว่า Bandai มีโครงการที่จะผลิตเวอร์ชั่นใหม่ที่ทำให้ TAMAGOTCH มีเพศ และแต่ละเครื่องสามารถแต่งงานกันได้

ความผูกพันของกลุ่มเป้าหมายกับเจ้าสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้เกิดเสียงเรียกร้องจนกระทั่ง Bandai ตัดสินใจผลิต TAMAGOTCH เวอร์ชั่นใหม่ออกสู่ตลาดอีกครั้งปลายปี 2547 ในรุ่น TAMAGOTCH Connection ที่มีความเป็นไฮเทคโนโลยีล้ำยุค มีอารมณ์ ความรู้จัก และวงจรชีวิตที่เป็นจริงมากขึ้น ที่สำคัญเวอร์ชั่นนี้ยังได้ติดตั้งระบบอินฟราเรดเพื่อเชื่อมต่อการทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้ TAMAGOTCH แต่ละตัวสามารถเชื่อมความสัมพันธ์ถึงกันได้ ถึงขั้นแต่งงานมีลูก หลาน เหลน สืบต่อกันได้

และเป็นไปตามความคาดหมาย กระแสฟีเวอร์กลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้ TAMAGOTCH Connection ที่เพิ่งวางตลาดในประเทศญี่ปุ่นสามารถขายหมดได้ในเวลาเพียงแค่ 2 วัน

คุณวีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท ดรีม ทอย จำกัด ผู้แทนจำหน่าย TAMAGOTCH Connection กล่าวถึง สถานการณ์ของตลาดของเด็กเล่นในเมืองไทยจะเป็นไปตามยุคสมัย ยุคแรก ๆ ไม่มีใครไม่รู้จัก “กาโม่” และเริ่มมีหนังสือการ์ตูน ถือเป็นยุคแรก ๆ ของของเล่นเมืองไทย ในช่วงนั้นการ์ตูนญี่ปุ่นเริ่มมีอิทธิพลต่อทีวีเมืองไทย และก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เช่น การกระโดดจากที่สูงเลียนแบบฮีโร่ในการ์ตูนดัง ทำให้หนังการ์ตูนญี่ปุ่นถูกจับตามองจนต้องหายเงียบไปพักหนึ่ง

“ยุคของผมช่วงที่ผมเป็นเด็ก เป็นยุค Generation X เป็นช่วงที่ Interactive Toy เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก กับตลาดเมืองไทย เป็นยุคของฮีโร่อย่าง คินิกุแมน คนยุคนั้นกำลังโตขึ้นมาเป็นคนยุคนี้ซึ่งมีอายุประมาณ 30 ต้น ๆ ทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสใช้เป็นประโยชน์ทางการตลาดได้ เพราะเป็นช่วงที่ตลาดของเล่นกำลังอิ่มตัวจากความนิยมในการเล่นอินเตอร์เน็ต เกมคอมพิวเตอร์ ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทำให้กลุ่มเด็กที่เล่นของเล่นมีน้อยลง

การทำตลาดครั้งนี้ เราจึงมองกลุ่มที่เคยเป็นแฟนเก่า มีอายุ 30 ปีขึ้นไป รวมถึงการทำตลาดกับกลุ่มใหม่ ๆ

มีการนำเอาตัวการ์ตูนเก่ามาทำใหม่ในลักษณะย้อนยคุเป็นคอลเลคชั่น กลุ่มลูกค้าเก่าจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกของการทำตลาด ขณะที่ลูกค้าในกลุ่มเด็กเราก็สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยเช่นกัน”

การทำตลาดแบบย้อนยุคในตลาดของเล่น ถือเป็นมุมมองใหม่ที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มว่าผู้ผลิตของเล่นหลาย ๆ รายกำลังให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นการเล่นกับ Generation ของผู้บริโภคซึ่งเป็นตลาดในกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งอดีตล้วนเคยเป็นเด็กที่ต้องการของเล่น แต่ต้องรอให้พ่อแม่ผู้ปกครองซื้อให้ แต่เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ความสามารถในการซื้อเปลี่ยนไป แต่ลึก ๆ แล้วยังคงมีความต้องการซื้อของเล่นในแบบที่ตนเองชอบแฝงอยู่

สำหรับ TAMAGOTCH Connection ค่าย “ดรีม ทอย” เชื่อว่าจะมีกลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุมทุก Generation เพราะเมื่อ 7 ปีที่แล้ว น่าจะมีเด็กไทย หรือวัยรุ่นไทยไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน ที่มีโอกาสได้สัมผัสความน่ารักของ TAMAGOTCHI ทั้งที่เป็นเวอร์ชั่นของแท้ และสินค้าเลียนแบบ จึงมั่นใจว่าบรรดาแฟน ๆ ของ TAMAGOTCHI ครั้งนี้นอกจากจะเป็นกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มวัยคนทำงาน (กลุ่ม X Generation ในอดีต) ยังรวมถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ในกลุ่มเด็ก และกลุ่ม Jenny ที่เชื่อว่าจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาหลงเสน่ห์ของสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์แสนกล และน่าจะเป็นกลุ่มที่ยังจดจำความฮอตฮิตของ TAMAGOTCH เมื่อ 7 ปีที่แล้วได้เป็นอย่างดี
จากความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ “คุณวีระรัตน์” มั่นใจว่าการกลับมาของ TAMAGOTCHI ในครั้งนี้จะสามารถสร้างยอดขายช่วงแรกได้ถึง 6,000 ตัวต่อเดือน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท โดยมีแผนจัดกิจกรรมใหญ่ภายใต้โครงการ “TAMAGOTCH Meet & Greed” ขึ้นในช่วงซัมเมอร์เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ในตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ใน Generation อื่น ๆ อย่าง กลุ่ม Baby Boomer ก็มีของเล่นสุดฮิตในอดีตประเภทของเล่นสังกะสี และหุ่นยนต์เหล็ก เนื่องจากเป็นยุคที่น้ำมันขาดแคลน ผู้ผลิตของเล่นในประเทศญี่ปุ่นจึงเกิดไอเดียผลิตของเล่นจากวัสดุอื่นเป็นการทดแทนของเล่นที่มาจากวัตถุดิบจำพวกพลาสติก ซึ่งความนิยมของเล่นแต่ละวัฒนธรรมจะมีความแตกต่างกัน ผู้บริโภคในโซนยุโรป หรืออเมริกาจะชอบไม่เหมือนกันคนในแถบเอเชีย หรือประเทศญี่ปุ่นจะนิยมของเล่นแบบ In character เช่นเดียวกับคนไทยนิยมของเล่นที่มีคาแร็กเตอร์ของตัวละครดังในหนังการ์ตูน

“ของเล่น” จึงยังคงทรงอิทธิพลในแง่ของการสร้างความผูกพันทางจิตใจ แม้ว่าวันเวลาอาจทำให้ Generation ต่าง ๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม และฐานะทางสังคมทั้งในแง่วัยวุฒิ และคุณวุฒิ แต่ทุกคนยังคงเหลือไว้ซึ่งความเป็นเด็กที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ภายในจิตใจ

“ของเล่น” จึงคงความคลาสสิกไว้ได้อย่างต่อเนื่องทุกยุค ทุกสมัย

ref:http://www.brandage.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น