วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

10 แบรนด์ดังที่มูลค่าร่วงหนักสุด

10 แบรนด์ดังที่มูลค่าร่วงหนักสุด

ชื่อ:  news_img_473565_1.jpg
ครั้ง: 3950
ขนาด:  37.7 กิโลไบต์
ภาพ http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=36469&page=1


“แบรนด์” ถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ เผลอๆ จะมีมูลค่ามหาศาลกว่าสินทรัพย์ที่จับต้องได้เสียอีก


“อินเตอร์แบรนด์” เพิ่งจัดอันดับ 100 แบรนด์ระดับโลกที่มีมูลค่าสูงสุด (Top 100 Global Brands 2012) โดยยักษ์น้ำดำ “โคคา-โคลา” ยังคงครองแชมป์เป็นปีที่ 12 ตามด้วย “แอ๊ปเปิ้ล” อาณาจักรไอทียักษ์ใหญ่ ที่รั้งตำแหน่งเบอร์ 2 ด้วยตัวเลขมูลค่าแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น 129% ก้าวกระโดดจากอันดับ 8 ในปีที่แล้ว ส่วนอีกแบรนด์ที่ไต่เพดานบินรวดเร็วคือ “ซัมซุง” ที่ติดอันดับ 9 ขยับพรวดจากอันดับ 17 ในปีก่อน

โดยบริษัทเทคโนโลยีพากันตบเท้ายึดทำเนียบท็อป 10 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกปีล่าสุด ทั้งแอ๊ปเปิ้ล กูเกิล ไมโครซอฟท์ อินเทล และซัมซุง แต่ขณะเดียวกัน อดีตบิ๊กเนมในแวดวงเทคโนโลยีก็ทำผลงานได้ย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นแบล็คเบอร์รี่ และโนเกีย ที่กำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ซีอีโอของอินเตอร์แบรนด์ “จอช เฟลด์เมท” อธิบายว่า แบรนด์จะประสบความสำเร็จ เมื่อสามารถกำหนดนิยามของตลาดได้ อย่างกรณีของแอ๊ปเปิ้ล ซึ่งจับตลาดโทรศัพท์มือถือ และนำเข้าสู่ระบบนิเวศที่ผู้บริโภคสามารถซื้อเกมมาเล่น ฟังเพลง และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยใช้อุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว

เมื่อเปรียบเทียบแบรนด์ที่ทำผลงานได้ดี กับแบรนด์ที่ต้องดิ้นรนจากความยากลำบาก พบว่า แบรนด์ที่ทำผลงานได้ดีสามารถทำนายสิ่งที่ผู้คนต้องการในตลาดนั้นๆ ได้

น่าสังเกตว่า หากพิจารณาข้อมูลจากรายงานของอินเตอร์แบรนด์ นอกเหนือจากการจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลกแล้ว ไส้ในยังสะท้อนให้เห็น 10 แบรนด์ที่มูลค่าร่วงหนักสุดอีกด้วย

เริ่มจาก “แบล็คเบอร์รี่” สมาร์ทโฟนที่เคยโด่งดังของค่ายรีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือริม ซึ่งกำลังเผชิญความยากลำบากทางธุรกิจ โดยมูลค่าแบรนด์แบล็คเบอร์รี่ดิ่งหนักถึง 39% อยู่ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์ โดยรายได้ลดลง 25.2% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

ทั้งๆ ที่แบล็คเบอร์รี่เคยเป็นเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนที่ยิ่งใหญ่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่ปัญหาระบบล่มหลายครั้ง บวกกับความล้มเหลวของแท็บเล็ตเพลย์บุ๊ค รวมทั้งการแข่งขันที่ดุเดือดจากไอโฟนของค่ายแอ๊ปเปิ้ล และมือถือตระกูลแอนดรอยด์ของกูเกิล ล้วนบีบให้มูลค่าแบรนด์แบล็คเบอร์รี่ลดฮวบอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ส่วนแบ่งในตลาดระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนของแบล็คเบอร์รี่ก็ลดลงจาก 21.7% ในเดือนกรกฎาคม 2554 เหลือ 9.5% ในปีนี้ ผิดกับส่วนแบ่งของแอ๊ปเปิ้ลที่เพิ่มจาก 27% เป็น 33.4% ส่วนกูเกิลก็เพิ่มจาก 41.8% เป็น 52.2% นอกจากนี้ หุ้นของแบล็คเบอร์รี่ยังร่วงเกือบ 90% ในช่วง 3 ปีมานี้

แบรนด์ที่มูลค่าร่วงมากเป็นอันดับ 2 คือ “โกลด์แมน แซคส์” มูลค่าแบรนด์ลดลงถึง 16% มีมูลค่าที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้ลดลง 23.2% ในรอบ 1 ปี โกลด์แมนฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติการเงินโลก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการขายตราสารอนุพันธ์ประเภทซีดีโอ (collateralized debt obligations) หรือตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งสลับซับซ้อน ประกอบกับวิกฤติหนี้กรีซ

โกลด์แมนฯ กลับมาเป็นข่าวคึกโครมอีกครั้งหลังผู้บริหารสาขาลอนดอนลาอออก โดยแฉผ่านสื่อว่าโกลด์แมนฯ เป็นธุรกิจที่มีพิษภัย และหาประโยชน์จากลูกค้า ซึ่งผู้บริหารบางคนเรียกว่า พวกหน้าโง่

อันดับ 2 ร่วมอีกราย คือ “โนเกีย” อดีตยักษ์มือถือรายใหญ่สุดของโลก ซึ่งออกอาการย่ำแย่ เพราะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไปมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และเสียตำแหน่งผู้ผลิตมือถือรายใหญ่สุดของโลกให้กับซัมซุงไปแล้ว อีกทั้งราคาหุ้นก็ลดลงกว่าครึ่งหนึ่งในปีที่ผ่านมา โนเกียเหลือมูลค่าแบรนด์ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้ช่วง 1 ปี ลดลง 20.5%

บริษัทประกาศโละพนักงาน 10,000 ตำแหน่ง เพื่อรักษาเงินสดในมือเอาไว้ ปัจจุบัน บริษัทมือถือจากฟินแลนด์รายนี้คาดหวังกับระบบปฏิบัติการบนมือถือ “วินโดว์ส” ของไมโครซอฟท์ และเพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนลูเมีย 920 แต่ยังไม่เป็นที่ประทับใจ

อันดับ 4 “โมเอท ชองดอง” แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมูลค่าแบรนด์ของโมเอทฯ ร่วงลง 13% อยู่ที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์ หรือมูลค่าแบรนด์หายไป 500 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว แต่ไม่ใช่เพราะแบรนด์โมเอทฯ อ่อนแอ หากแต่เป็นเพราะพิธีกรรมเปลี่ยนไป เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจมาจากภูมิภาคที่ไม่ได้นิยมเฉลิมฉลองด้วย แชมเปญ ขณะที่ในตลาดสหรัฐ โมเอทฯ ยังทำยอดขายได้ดี

อันดับ 4 ร่วม “ยาฮู” มูลค่าแบรนด์ขณะนี้อยู่ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์ โดยเมื่อปีที่แล้วข่าวของยาฮูวนเวียนอยู่ที่เรื่องฉาวของซีอีโอคนเก่า และการสรรหาบอสคนใหม่จนมาได้ “มาริสสา เมเยอร์” แต่การเปลี่ยนชะตากรรมของยาฮูไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสูญเสียตลาดโฆษณาแบบดิสเพลย์ให้กับกูเกิลและเฟซบุ๊คไปแล้ว ประเมินกันว่า ยาฮูเหลือส่วนแบ่ง 9.3% ของรายได้โฆษณาแบบดิสเพลย์ในปีนี้ น้อยกว่ากูเกิล 15.4% และเฟซบุ๊ค 14.4%

อันดับ 6 “ซิตี้” มูลค่าแบรนด์ร่วงลง 12% อยู่ที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์ นับจากภาวะขาลงต่อเนื่อง 5 ปี มูลค่าแบรนด์ของซิตี้ในปีนี้เหลือต่ำกว่า 1 ใน 3 ของสถิติสูงสุดตลอดกาล 2.34 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งซิตี้ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่ว่ามีส่วนทำให้เกิดวิกฤติซับไพรม์ใน สหรัฐ

อันดับ 6 ร่วมอีกราย “เอ็มทีวี” มีมูลค่าแบรนด์ 5.6 พันล้านดอลลาร์ อินเตอร์แบรนด์เตือนว่า เอ็มทีวีกำลังก้าวพ้นจากรากเหง้าเรื่องดนตรี และเริ่มไปมุ่งคอนเทนต์ราคาถูก ซึ่งอาจก่อให้เกิดวิกฤติด้านอัตลักษณ์ของแบรนด์ตามมา

อันดับ 8 “ฮอนด้า” ค่ายรถจากญี่ปุ่น มูลค่าแบรนด์ปีที่ผ่านมาหดหายไป 11% เหลือ 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์โลกเริ่มฟื้นตัวจากภาวะถดถอย โดยมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.6 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ จาก 1.28 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2553 แต่ฮอนด้าเผชิญกับเหตุไม่คาดฝัน ทั้งแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น และน้ำท่วมใหญ่ในไทย ซึ่งกระทบซัพพลายเออร์ รวมถึงฮอนด้าต้องเผชิญกับการเรียกคืนรถหลายระลอกในระยะหลัง รวมถึงรุ่นซีอาร์วีที่เสี่ยงไฟไหม้หน้าต่างรถ

อันดับ 8 ร่วม “ธอมสัน รอยเตอร์ส” มีมูลค่าแบรนด์ 8.4 พันล้านดอลลาร์ แม้ครั้งหนึ่งรอยเตอร์สจะเคยครองตลาดบริการข้อมูลธุรกิจ แต่คู่แข่งอย่างบลูมเบิร์กก็ฉวยส่วนแบ่งตลาดไปได้ไม่น้อย

อันดับ 10 “เดลล์” บริษัทเทคโนโลยีรายนี้มีมูลค่าแบรนด์ลดลง 9% อยู่ที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี เนื่องจากบริษัทขยับจากการขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มาเน้นบริการไอที ขณะที่บริษัทยังดิ้นรนที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ บนสมาร์ทโฟน



ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น