วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

3 เค แบตเตอรี่ แบรนด์ไทย ไกลระดับโลก


updated: 01 มี.ค. 2556 เวลา 10:19:58 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ที่มาhttp://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1362061285&grpid=03&catid=08
สัมภาษณ์



ถามถึงแบตเตอรี่รถยนต์ คุณนึกถึงยี่ห้ออะไรบ้าง เชื่อว่าแบรนด์ 3 เค น่าจะอยู่ในอันดับต้น ๆ รอบปีที่ผ่านมา ถือว่าแบตเตอรี่ 3 เค ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของการสร้างยอดขาย รวมทั้งการสร้างแบรนด์ ด้วยการชูความเป็นสินค้าคนไทย ที่ก้าวไปสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลกได้เป็นอย่างดี

"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสพูดคุยกับพี่ชายคนโตของ 3 เค แบตเตอรี่ "หนึ่ง" วีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ ในฐานะรองประธานอาวุโส บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3 เค จำกัด ถึงความสำเร็จของปีที่ผ่านมา รวมถึงแผนการรุกตลาดในปีนี้

- แผนงานในปีนี้

สำหรับปีนี้เรามีแผนงานสำหรับธุรกิจแบตเตอรี่ 3 เคเอง และยังมีแผนที่จะรุก การแตกไลน์ธุรกิจไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ด้วย ทั้งที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งขยายไปยังภาคธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เบื้องต้นเราได้เตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนทั้ง 2 ส่วนไว้ที่ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ราวไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยทั้ง 2 ธุรกิจนี้จะดำเนินการภายใต้แบรนด์ 3 เค

- การลงทุนเฉพาะ 3 เค แบตเตอรี่

สำหรับ 3 เค แบตเตอรี่เอง ก็จะมีการซ่อมบำรุงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเครื่องจักรประจำปีราว ๆ 100 ล้านบาทเหมือนเช่นทุก ๆ ปี พร้อมทั้งเตรียมงบประมาณสำหรับการทำกิจกรรมทางการตลาด และประชาสัมพันธ์อีกไม่น้อยกว่า 130 ล้านบาท พร้อมกันนี้ เรายังได้ส่งสินค้าไฟติ้งแบรนด์ ยี่ห้อใหม่ภายใต้แบรนด์ "3 เค O&K" สำหรับทำตลาดและเจาะกลุ่มลูกค้าในกลุ่มปานกลางและระดับล่าง โดยจะทำตลาดควบคู่ไปกับแบตเตอรี่แบรนด์ 3 เค รวมถึงการใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายเบื้องต้นได้ส่งแบตเตอรี่ 3 เค O&K สำหรับกลุ่มรถปิกอัพ ออกสู่ตลาดไปแล้วเมื่อเดือนมกราคม และอนาคตจะส่งแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์นั่งออกสู่ตลาดเช่นเดียวกัน โดยจะมีราคาจำหน่ายเฉลี่ยถูกกว่าแบตเตอรี่ 3 เค 15-20% และได้รับรองคุณภาพการผลิต มาตรฐานเดียวกันกับแบตเตอรี่ 3 เค

- เป้าหมายปีนี้

ปีนี้เราตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโต 20% หรือ 6,200 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่มีผลประกอบการ 5,000 ล้านบาท และโตขึ้นจากปีก่อน 5-10% ทั้งนี้เป็นผลมาจากกลุ่มลูกค้ารถคันแรกที่ซื้อไปช่วงแรก ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้ว ส่งผลให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก บวกกับลูกค้ามีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากทั้งเศรษฐกิจและการเมืองมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องและนิ่งมากขึ้น โดยยอดขาย 6,200 ล้านบาทนั้นแบ่งเป็น แบรนด์ 3 เค 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 50% ส่งออกอีก 50% และแบรนด์ 3 เค O&K อีก 700 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์ของตลาดแบตเตอรี่ในตลาดทดแทน (อาร์อีเอ็ม) ในปีที่ผ่านมานั้น มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง มูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 6,500 ล้านบาท

แต่สำหรับนโยบายของบริษัทไม่ได้ลงไปเล่นสงครามราคาด้วย แล้วหันมาใช้กลยุทธ์การให้ของแถมที่มีมูลค่า และการให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้าสมาชิกโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและจะทำอย่างต่อเนื่องด้วย

- ความสำเร็จจากสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง

สำหรับปีที่ผ่านมาที่เราตัดสินใจรุกตลาดโดยชู "สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง" ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมากสำหรับ 3 เค เพราะเราได้ในสิ่งที่เราต้องการ คือการสร้างแบรนด์ 3 เค ให้เป็นแบรนด์ของคนไทย ให้คนได้รับรู้และรู้จักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้นร่วมถึงต่างชาติด้วย เราใช้งบประมาณมูลค่า 300 ล้านบาท เซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนระดับ Partnership กับสโมสรลิเวอร์พูล เป็นเวลา 3 ปีเต็ม ภายใต้แนวคิดที่ว่า "3 เค พลังหงส์แดงแรงระดับโลก" ซึ่ง 3 เค แบตเตอรี่ จะได้รับสิทธิ์ในการใช้ตราสัญลักษณ์ (โลโก้) ของสโมสรในทุกสื่อ รวมถึงโฆษณาทุกชิ้น

2.การใช้ภาพนิ่ง-เคลื่อนไหวในการทำกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าแต่เพียงผู้เดียว

3.ลิขสิทธิ์การทำพรีเมี่ยมและโปรโมชั่นต่าง ๆ และการทำกิจกรรมกับกลุ่มแฟนคลับในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว และยังมีโอกาสที่จะขยายออปชั่นไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคตอีกด้วย

เราถือว่าการเข้าไปสนับสนุนตรงนี้ถือเป็นการช่วยยกระดับแบรนด์ได้มากขึ้น และยังเป็นการนำแบรนด์ของคนไทยสู่ระดับโลก และยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ และเรายังสามารถนำมาต่อยอดในด้านต่าง ๆ ได้

อีกค่อนข้างมาก แถมยังช่วยให้คนรู้จัก 3 เค เพิ่มมากขึ้น อย่างในต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันออกกลาง เราก็พยายามใช้ตรงนี้เช่นกัน ส่วนการสนับสนุนกีฬาอื่น ๆ เราก็ยังคงทำอย่างต่อเนื่อง

- แผนการขยายเน็ตเวิร์ก

ปัจจุบันเรามีช็อป 3 เค แบตเตอรี่ อยู่ 200 แห่งทั่วประเทศ และมีร้านค้าจำหน่ายแบตของเราอีก 500 ร้านค้าที่ดูแลตลาด และร้านค้าย่อย ๆ อีก 4,000-5,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อความต้องการอยู่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น